ร่มญี่ปุ่น เสน่ห์ความงามที่น่าสนใจ

หากเราจะกล่าวถึงร่ม เราก็มักจะนึกถึงร่มที่เราคุ้นชินกันไม่กี่รูปแบบไม่ว่าจะเป็นร่มพับ  ร่มตอนเดียวก็ตาม หากมีที่ไม่ธรรมดาขึ้นมาหน่อย ก็อาจจะเป็นแบบที่ใช้ในสนามกอล์ฟอย่างร่มกอล์ฟหรือแบบที่พับเก็บกลับด้านได้ แต่คงไม่มีใครนักที่จะนึกถึงร่มอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะนำมาใช้ได้จริงแล้ว ยังเปลี่ยนเสมือนงานศิลปะอันประณีตงดงาม และมีเรื่องราวความเป็นมาอย่างยาวนาน รูปแบบที่ว่านั้นเราเรียกว่า ร่มญี่ปุ่น

อุปกรณ์ชิ้นนี้ก็ยังสามารถที่จะกันแดดหรือกันฝนได้เหมือนกับร่มทั่วไป หลายคนอาจมองว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้ไม่แข็งแรง และเหมาะสมที่จะนำไปตกแต่งเสียมากกว่า แท้จริงแล้วมันเป็นแบบนั้นหรือไม่ วันนี้เราจะมาดูกัน

ร่มญี่ปุ่นคืออะไร

ร่มญี่ปุ่นนั้น เป็นรูปแบบโบราณที่มีมาอย่างยาวนาน ลักษณะที่สำคัญคือ บริเวณด้ามจะเป็นไม้ ตัวร่มนั้นจะทำมาจากกระดาษ ส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์ชิ้นนี้มักจะถูกทำมาในลักษณะของงานฝีมือ วัสดุหลักส่วนใหญ่นั้นจะมาจากธรรมชาติ ที่โดดเด่นอีกอย่างคือการวาดลวดลายให้มีสีสันที่มีความสวยงาม เพื่อบ่งบอกถึงความประณีตและงานฝีมือของผู้คนในสมัยก่อน ลวดลายที่วาดลงไปก็อาจเป็นลวดลายที่เป็นธรรมชาติอย่างพวกใบไม้หรือดอกไม้

เสน่ห์ของมันอยู่ที่ลวดลายดังกล่าวนี่เอง ลักษณะโดดเด่นที่สำคัญอีกอย่างคือการกระจายในระยะห่างที่เท่ากัน ทำให้ดูความสวยงามโดด และดูเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ดังนั้นจึงน่าแปลกใจเลย ว่าเหตุใดชาวญี่ปุ่นในปัจจุบันยังคงอนุรักษ์สิ่งนี้ไว้ เพื่อนำไปประกอบในพิธีสำคัญต่างๆ

เรื่องราวความเป็นมา

อุปกรณ์สำคัญชิ้นนี้ เป็นอุปกรณ์ฝีมือของประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก หากจะเล่าเรื่องราวเราก็จำเป็นที่จะต้องย้อนไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 ในสมัยนั้นชาวญี่ปุ่นยังรู้จักสิ่งที่เรียกว่าร่ม ตอนนั้นชาวบ้านใช้หมวก หรือผ้าคลุมสำหรับการกันฝนเพียงเท่านั้น จากนั้นอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็ถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่น โดยนำเข้ามาจากประเทศจีน เราเรียกว่า “เท็นไง” มีลักษณะคือจะไม่สามารถปลูกได้ ทำจากกระดาษ และมีการวาดลวดลายธรรมชาติลงไป เมื่อชาวญี่ปุ่นเห็นนั้นจึงได้นำเอาสิ่งนี้มาดัดแปลง โดยการใช้วัสดุท้องถิ่นอย่างไม้ไผ่ และวัสดุอื่นทำให้กลายเป็นของตัวเอง

วัสดุที่ใช้ในการทำ

ในยุคสมัยเอดะของญี่ปุ่นนั้น ส่วนประกอบที่ใช้ในการทำมักจะมาจากวัสดุธรรมชาติ บริเวณด้ามทำมาจากไม้ไผ่ หรือไม้ของต้นเอโกะโนะกิ ส่วนบริเวณตัวจะทำมาจากกระดาษญี่ปุ่น ที่มีการวาดลวดลายสีสันสดใสลงไป นอกจากนี้ยังมีการใช้น้ำมันพืชเพื่อเคลือบบริเวณผ้า ทำให้สามารถกันน้ำและใช้ในการกันฝนได้ บริเวณซี่จะทำการทาด้วยยางไม้ เพื่อทำให้มีความแข็งแรงทนทานมากยิ่งขึ้น ในส่วนของโครงและซี่ก็ทำมาจากไม้ไผ่เช่นเดียวกัน มีการทำเป็นซี่และใช้เชือกในการเย็บติด บริเวณตรงกลางจะมีกระดาษติดไว้อีกชั้นหนึ่ง เป็นการเพิ่มความแข็งแรงได้ด้วย

ความแตกต่างของแบบญี่ปุ่นกับแบบทั่วไป

อย่างแรกที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนเลย คือเรื่องของวัสดุที่ใช้ในการทำที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วหากเป็นของญี่ปุ่นมักจะทำมาจากวัสดุจากธรรมชาติ อย่างการใช้ไม้ไผ่ ที่แตกต่างกันอีกคือบริเวณซี่ ที่ของญี่ปุ่นมักจะมีมากกว่า หากเราลองสังเกตของฝั่งตะวันตก จะมีซี่อยู่เพียงแค่ 8 ซี่เท่านั้น แต่หากเป็นญี่ปุ่นจะมีได้มากถึง 30-70 ซี่เลยทีเดียว บริเวณด้ามก็เช่นกัน ของญี่ปุ่นจะมีลักษณะเป็นแนวตรง แต่หากเป็นของฝั่งตะวันตกจะมีลักษณะลักษณะเป็นได้จับงุ้มปลาย

ในเรื่องของการใช้งานนั้น เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแบบตะวันตกถูกหยิบยกมาใช้งานได้มากกว่า เนื่องจากมีความแข็งแรงทนทานและหาได้ง่ายกว่านั่นเอง ซึ่งร่มที่ถูกหยิบขึ้นมาใช้บ่อย ๆ ก็คือ ร่มตอนเดียว มีความทนทานแข็งแรงมาก ๆ