ทำความรู้จักกับ ร่มวะงะสะ

หากพูดถึงร่มวะงะสะ หลาย ๆ คนอาจจะงงและก็สงสัยว่าหน้าตาของร่มชนิดนี้เป็นแบบไหน แต่หากพูดว่าร่มญี่ปุ่น หลาย ๆ คนน่าจะพอนึกหน้าตาและรูปร่างออกกันบ้างแล้วใช่ไหมละคะ แต่ทราบไหมคะว่าจริง ๆ แล้วนั้น ร่มญี่ปุ่นหรือร่มวะงะสะนั้น ไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่น แต่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ในสมัยเฮอัน ซึ่งชื่อที่คนส่วนใหญ่ใช้เรียกกันอาจจะมีความผิดเพี้ยนอยู่บ้างเช่น วากาสะ , วางาสะ , คาราคาสะ เป็นต้น

ร่มวะงะสะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลาศตวรรษที่ 15 ซึ่งต้นแบบมาจากร่มเท็นไงของประเทศจีน แตกต่างกันตรงที่ร่มของจีนในตอนนั้นยังไม่สามารถหุบได้ ญี่ปุ่นจึงนำต้นแบบมาพัฒนาให้สามารถหุบได้ ความโดดเด่นของร่มวะงะสะคือ ร่มชนิดนี้นั้นใช้กระดาษเป็นวัสดุหลักในการผลิตร่ม แต่กลับสามารถที่จะกันแดด กันฝนได้ และที่สำคัญคือมีความแข็งแรงมากพอสมควร ส่วนตัวโครงร่มและด้ามจับนั้นจะทำจากไม้ไผ่ ซึ่งร่มวะงะสะนั้นได้รับความนิยมอย่างมากทั้งการใช้งานและการใช้เพื่อตกแต่งควบคู่กับการแต่งกายชุดกิโมโน

ร่มวะงะสะนั้น เป็นร่มที่ผลิตขึ้นโดยกระบวนการงานฝีมือ ไม่ได้อาศัยเครื่องจักรในการผลิต ดังนั้น การที่จะได้ร่ม 1 คันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ทำให้ร่มวะงะสะในสมัยก่อนนั้นมีราคาสูงมาก เพราะนอกจากการผลิตที่ใช้ระยะเวลานานและอาศัยแรงคนในการทำงานแล้ว ร่มวะงะสะยังเป็นร่มรุ่นแรกที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย  โดยส่วนใหญ่คนที่ใช้งานร่มวะงะสะนั้นมักจะเป็นกลุ่มนางสนมหรือนางกำนัลที่มียศสูงเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่ร่มวะงะสะนั้นผลิตจากกระดาษแต่สามารถกันน้ำได้ นั่นก็เพราะชาวบ้านนั้นได้มีการนำน้ำมันมาเคลือบผิวของกระดาษเอาไว้เพื่อป้องกันน้ำนั่นเอง

กระบวนการในการผลิตร่มวะงะสะเริ่มจากขั้นแรก ทำโครงของร่มซึ่งจะใช้เชือกเป็นตัวเชื่อมระหว่างไม้แต่ละส่วน ซึ่งส่วนหัวตัวนี้เป็นส่วนสำคัญมากที่ทำให้ร่มนั้นกางหรือหุบได้ แต่ส่วนหัวของร่มนั้นจะถูกทำจากไม้กำยานหรือไม้เนื้อแข็ง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทาน ส่วนต่อมาเป็นการนำกระดาษมาคลุมด้านนอกของตัวร่ม ซึ่งกระดาษจะถูกติดลงบนโครงร่มโดยตรง และมีอีกส่วนหนึ่งที่จะถใช้ติดตรงหัวร่มด้านนอก เพื่อป้องกันการรั่วไหลขณะใช้ในการกันฝน เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงจะใช้น้ำมันพืชทาให้มั่วกระดาษเพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการกันน้ำ ก่อนจะทาด้วยน้ำยาเคลือบเงาและแลกเกอร์ เมื่อแห้งดีแล้วจึงประกอบส่วนด้ามจับของร่ม ก่อนจะนำมาตกแต่งลวดลายตามชอบ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ร่มวะงะสะนั้นจะนิยมใช้กระดาษสีแดงและตกแต่งเป็นลวดลายดอกไม้ เพื่อเพิ่มความสดใส

ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีการผลิตและออกแบบร่มมาอย่างหลากหลาย ทั้งร่มกลับด้าน ร่มกอล์ฟ ร่มพับ และถึงแม้ว่าร่มเหล่านั้นจะเปลี่ยนเป็นการใช้โครงเหล็กมาเป็นส่วนประกอบในการผลิตแทนไม้เพื่อให้ร่มนั้นมีความแข็งแรงทนทานมากกว่าเดิมก็ตาม แต่ร่มวะงะสะก็ยังคงถูกใช้ในพิธีการที่สำคัญต่าง ๆ ของญี่ปุ่นอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นพิธีชงชาหรือพิธีกรรมในด้านอื่น ๆ นอกจากนี้ร่มวะงะสะก็ยังคงถือว่าเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่เพิ่มความน่าสนใจ เพิ่มแรงจูงใจในการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ให้กับประเทศญี่ปุ่นอย่างมาก และถึงแม้ว่าปัจจุบันเราอาจจะไม่ได้เห็นการใช้งานร่มวะงะสะในชีวิตประจำวันเท่าไหร่นัก แต่เชื่อว่าร่มวะงะสะจะยังคงเป็นร่มที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ระลึกถึงและอยากที่จะรักษาและอนุรักษ์ไว้เพื่อรุ่นลูกรุ่นหลานสืบต่อไปอย่างแน่นอน