ว่าด้วยเรื่องของ การสกรีนร่ม
ร่มเป็นอุปกรณ์ ที่นอกจากผู้คนจะซื้อมาใช้งานกันจริง เช่น ร่มกลับด้าน ร่มพับ แบรนด์ต่างๆ หรือบริษัทผลิตของต่างๆ ต่างใช้ร่มในการนำมาทำเป็นของสัมมนาคุณ ของแจก หรือของพรีเมี่ยมมากมายหลากหลาย ทั้งนี้ก็เนื่องจากการที่คนหยิบมาใช้งานร่มกันมากมายนี่เอง และการที่ผู้คนหยิบร่มมาใช้งาน ไอเดียการนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมจึงดีมาก สามารถที่จะสร้างการมองเห็นให้กับคนจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากบนร่มพรีเมี่ยมเหล่านี้ จะมีการสกรีนชื่อบริษัท โลโก้ หรือสัญลักษณ์แสดงความเป็นองค์กร หรือแบรนด์นั้นอยู่
แล้วการสกรีนร่มนั้น เขาทำกันอย่างไร มีอยู่ด้วยกันกี่แบบ วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของ เทคนิคในการสกรีนร่ม ว่าเราจะสกรีนร่มออกมาอย่างไร และแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร
เทคนิคการสกรีน
แค่การสกรีนนั้น ก็มีวิธีการในการทำมากมายหลากหลายเทคนิคแล้ว เช่นเดียวกับการสกรีนวัสดุอื่นๆ อย่างเสื้อผ้าหรือกระเป๋า แต่ละแบบก็จะให้ผลลัพธ์ ที่มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป หลักๆ จะมีวิธีการอยู่ประมาณ 3 แบบ ดังนี้
เทคนิคการสกรีนด้วยบล็อกสกรีน หรือเรียกอีกชื่อว่า เทคนิคซิลค์สกรีน เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีความสะดวกสบายมากที่สุด มีการสกรีนได้ครั้งละจำนวนมากๆ อีกทั้งสีที่สกรีนออกมามีคุณภาพ และจะไม่หลุดลอกไปด้วย วิธีการเป็นการปาดสี โดยเริ่มจากการใช้บล็อกที่ขึงด้วยผ้าหรือฟิล์ม สำหรับสกรีนนั้นให้ตึง จากนั้นจะทำการใช้ไม้ปาดสี เพื่อให้ซึมผ่านลงไปในวัสดุที่เราต้องการ และทำการป่าวให้แห้ง วิธีการนี้เป็นวิธีการที่จำเป็นที่จะต้องใช้ความละเอียดเป็นอย่างสูง และเหมาะสำหรับการสกรีนที่ใช้สีไม่เกิน 3 สี
เทคนิคการสกรีนด้วยระบบรีดร้อน ระบบนี้เป็นเทคนิคการสกรีนโดยจะเพิ่มลวดลายจากเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ต หรือเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ลงบนกระดาษ transfer ซึ่งจะสามารถนำไปรีดร้อน เพื่อให้หมึกติดลงบนวัสดุได้ จากนั้นก็จะทำการเคลือบด้วยแผ่นฟิล์ม ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรักษาสีสันให้อยู่ได้ยาวนานคงทน เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับทำลวดลายที่มีความละเอียดอ่อน เพราะจะใช้สีได้ไม่จำกัด แต่มีค่าใช้จ่ายในการผลิตที่ค่อนข้างสูง
เทคนิคการสกรีนด้วยเครื่องพิมพ์ที่ทำงานโดยการพ่นหมึก เทคนิคนี้เป็นเทคนิคการสกรีนโดยจะใช้เครื่องพิมพ์ โดยเครื่องพิมพ์นั้นจะทำการพ่นหมึกลงบนวัสดุ ให้ออกมาได้รูปร่าง หรือลักษณะตามที่ต้องการ แน่นอนว่าเป็นเครื่องพิมพ์ ดังนั้นจึงเหมาะสมที่จะใช้สำหรับงานที่มีลวดลายค่อนข้างซับซ้อน โดยเฉพาะการสกรีนโลโก้ เนื่องจากเครื่องพิมพ์จะทำงานตามคำสั่งอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งสียังไม่ได้มีการผิดเพี้ยนไปมาก แต่การสกรีนรูปแบบนี้จะมีต้นทุนค่อนข้างสูงที่สุด กว่ารูปแบบอื่นๆ
ประเภทของสีที่ใช้
สีน้ำมัน เป็นสีที่มีคุณสมบัติทนทาน และมีการติดแน่น เนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันเป็นหลัก ทำให้สีนั้นแห้งง่ายตามอุณหภูมิห้อง อีกทั้งยังสามารถที่จะปรับความเข้มข้นของสี เพียงแค่การเติมน้ำมัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับวัสดุที่สีติดยาก โดยจะทำการใช้ร่วมกับสารเคลือบอื่นๆ เพื่อเพิ่มความเงาด้วยก็ได้
สียาง เป็นสีที่มีคุณสมบัติโดดเด่น จะมีสีสันสดใส และมีความยืดหยุ่นสูง แต่จะทึบแสง เมื่อสกรีนลงบนวัสดุแล้ว จะมีลักษณะนูนขึ้นมา ทำให้เราสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่นูนขึ้นมาได้ และเหนือสิ่งนี้มักจะยืดหยุ่นตามวัสดุ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสกรีนลงบนผ้าโพลีเอสเตอร์
สีจม เป็นสีที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องของเนื้อสีที่มีความละเอียดสูง เมื่อสกรีนลงบนผ้า สีจะซึมลงไปในเส้นใยผ้าด้วย เนื้อสีจะมีลักษณะมีความโปร่งใส เมื่อสกรีนไปแล้วจะดูกลมกลืนเรียบเหรียญเป็นเนื้อเดียวกันกับวัสดุ เหมาะสำหรับวัสดุที่มีสีอ่อน อย่างวัสดุสีขาว หรือสีครีม
สีลอย จะเป็นสิ่งที่มีความละเอียดน้อยกว่าสีจม เมื่อนำไปสกรีนแล้วจะสัมผัสได้ถึงเนื้อสีที่นูนขึ้นมา และมีความยืดหยุ่นน้อยกว่า เมื่อดึงเนื้อผ้าที่สกรีนจะเห็นรอยแยกของสี ทำให้เหมาะจะสกรีนลงบนวัสดุสีเข้ม
สีนูน เป็นสีที่มีคุณสมบัติที่ผิวสัมผัสค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากในกระบวนการ จะนำสีไปผสมกับ สารที่ทำให้เนื้อสีฟู และจะนำไปอบด้วยความร้อน เราจะสามารถสัมผัสได้ถึงเนื้อสีที่นูนขึ้นมาแบบ 3 มิติเลยทีเดียว
ร่มที่นำมาสกรีนนั้น สามารถทำได้ทุกร่ม ไม่ว่าจะเป็น ร่มสนาม ร่มกอล์ฟ ก็สามารถทำได้เช่นกัน