ใช้ร่มเป็นของขวัญ ของชำร่วยเพื่อชีวิตที่เป็นสุขและร่มเย็นสมชื่อ
ความหมายของ ร่ม สำหรับคนไทยแท้ มีความหมายในเชิงบวก เพราะเรามีความเชื่อว่าร่มเป็นของใช้ของเจ้านาย การให้ร่มแก่ผู้ใหญ่จึงหมายถึงการให้เกียรติยกย่อง การเคารพนับถือว่าท่านอยู่ในระดับที่สูงกว่าเรา การให้ร่มแก่คนที่อายุน้อยกว่า หมายถึง การที่เรารักใคร่ ดูแลเอาใจใส่ มีความปรารถนาดีที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวเขาได้ ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับคนไทยในการที่เราจะให้ร่มแก่คนที่เรารักและผู้ใหญ่ที่เรานับถือ
เมื่อร่มสื่อความหมายดีๆเช่นนี้ จึงได้มีการพบเห็นกันอยู่บ่อยๆว่าในงานมงคลต่างๆ มักให้ร่มเป็นของชำร่วยแทนคำขอบคุณสำหรับแขกหรือญาติมิตรที่เราเชิญมาร่วมงาน นอกจากนี้ผู้ผลิตสินค้าหลายแบรนด์ ก็ได้จัดร่มเพื่อเป็นของขวัญพรีเมี่ยมสุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่ช่วยอุดหนุนสินค้ามาโดยตลอด และมักใช้เป็นของขวัญล่อใจคนชื้อให้เข้ามาใช้บริการในครั้งแรก เพื่อทำความรู้จักกับตัวสินค้าของเรา พร้อมกับจะได้รับของกำนัลเป็นร่มแสนสวยสารพัดประโยชน์กลับบ้านไปฟรีๆ เพียงเท่านี้คนรับก็ดีใจยิ่งกว่าได้ไปเที่ยวรอบโลกเพราะร่มเป็นของที่ใช้งานได้จริง และใช้ได้ทันทีไม่ต้องรอรีเซ็ตระบบแต่อย่างใด อีกทั้งมันเป็นของคู่บ้านคู่ครัวที่ทุกบ้านควรจะมีเอาไว้ใช้ และมันสามารถใช้ได้ในทุกโอกาสไม่ว่าจะฝนตก แดดออก ยามเช้ายามบ่ายยามค่ำ ร่มจึงเป็นที่ต้องการของทุกคน และมันก็ใช้ได้ผลทุกครั้งที่สินค้าหลากแบรนด์นำมันมาเล่นรายการเพื่อกระตุ้นยอดขาย
แต่ถ้าในความหมายของชาวจีน ร่มกลับกลายเป็นสิ่งต้องห้ามในการที่จะส่งมอบให้กับคนที่เรารักและหวังดี เพราะร่มในภาษาของจีน (伞) ซึ่งอ่านออกเสียงว่า “ส่าน” ซึ่งพ้องสียงกับ (散) ทีแปลว่าแตกแยก แยกทาง สูญเสีย ซึ่งความหมายเหล่านี้ไม่เป็นมงคลอย่างแรงในความเชื่อของคนจีน และถือเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างที่สุดถ้าเราจะเอาร่มไปให้เป็นของขวัญกับผู้ใหญ่ เพราะนั่นเท่ากับเป็นการแช่งเขาทางอ้อม ถ้าให้ร่มกับเพื่อนก็แปลว่าเราจะเลิกคบกัน ยิ่งถ้าให้กับแฟนเป็นการบอกถึงการขอยุติความสัมพันธ์ ทำไมร่มอยู่ในเมืองจีนถึงมีสภาพไม่ต่างกับตัวกาลกินี ที่เข้าบ้านไหนก็แตกแยกกันไปหมด คงไม่เลวร้ายขนาดนั้น แค่คำพ้องเสียง แต่ความเชื่อนี้ก็ถูกฝังอยู่ในหัวชาวจีนมานานเกินกว่าจะไปปรับเปลี่ยนอะไรได้
ยังไงซะในความเป็นคนไทยของเรา ร่มก็ยังคงเป็นสิ่งดีๆที่เราจะหยิบยื่นให้กับคนที่เรารักและหวังดีเสมอ เพราะถึงอย่างไรร่มก็ให้คุณมากกว่าโทษอยู่แล้วในแง่ของการใช้ประโยชน์ ไม่มีใครไม่ต้องการร่มในวันที่ฝนตก ไม่มีใครอยากเดินตากแดดเปรี้ยงๆในเวลาเที่ยงวัน ทุกคนต่างมองหาร่มและต้องการร่มกันทั้งนั้น ฉะนั้นถ้าใครหยิบยื่นร่มให้เราในวันที่ท้องฟ้าอากาศไม่เป็นใจ เราก็ย่อมต้องตอบรับเขาด้วยความรู้สึกดีและความขอบคุณจากใจ ที่เขาคนนั้นห่วงใยเราในวันที่สภาพแวดล้อมรอบตัวแย่ไปหมด
หนังไม่รู้ซักกี่เรื่องที่ต้องมีซีน พระเอกนางเอกกางร่มอันเดียวกันเดินแนบชิดกันภายใต้ร่มอันแสนจะกะทัดรัด และตอนจบของเรื่องเขาทั้งสองรักกันจนชั่วฟ้าดินสลาย โรแมนติกมาก แล้วก็ต้องยอมรับกับตัวเองเหมือนกันว่าในชีวิตนี้ขอมีซีนกางร่มกับชายในฝันซัก2 นาทีก็คงจะตายตาหลับ คงต้องซื้อร่มติดตัวไว้ตลอดสักอันละ