5 ความลับเกี่ยวกับร่มกันยูวี ที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน

อย่างที่ทราบกันดีว่าด้วยสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนจัดแทบตลอดทั้งปีในบ้านเรานั้น ทำให้ไอเทมตัวช่วยป้องกันความร้อน และอันตรายจากรังสียูวีอย่าง”ร่มกันยูวี” นั้นเป็นไอเทมที่มีค่อนข้างมีความสำคัญกับวิถีชีวิตประจำวันใครหลายคนไปด้วยไม่ว่าจะเป็น ร่มพับ, ร่มกอล์ฟ หรือ ร่มตอนเดียวเพราะการพกพาไอเทมชิ้นนี้ติดตัวไว้และกางใช้งานขณะอยู่กลางแจ้งนั้น จะช่วยลดทอนระดับความร้อนจากแสงแดดที่ส่งมาถึงตัวเราไปได้พอสมควร และยังจะช่วยลดอันตรายจากรังสียูวีชนิดต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับแสงแดดได้ด้วย การพกพาร่มกันยูวีติดตัวจึงนับเป็นหนึ่งในเทรนด์ไลฟ์สไตล์ดูแลสุขภาพที่สำคัญเทรนด์นึงในบ้านเราไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งนึงที่หลายคนไม่ทราบมาก่อนก็คือ ร่มกันยูวีที่มีวางขายอยู่ทั่วไปในบ้านเราแต่ละคันไม่ได้มีคุณสมบัติที่เหมือนกันซะทีเดียว แม้ว่าจะมีการเขียนคำอธิบายในฉลากว่าเป็นร่มป้องกันรังสียูวีเหมือนกันก็ตาม ในบทความนี้จึงได้รวบรวมเอา 5 ความลับเกี่ยวกับร่มกันยูวีที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน และผู้ขายก็ไม่เคยบอกเราบอกเปิดเผยให้ได้ทราบกัน

ร่มทุกคันสามารถป้องกันรังสียูวีได้อยู่แล้ว ข้อเท็จจริงประการแรกที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนก็คือร่มที่มีวางขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาดนั้นสามารถป้องกันรังสียูวีได้อยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องระบุว่าเป็นร่มกันยูวี หรือก็คือไม่จำเป็นต้องผ่านการเคลือบสารป้องกันยูวี ผ้า หรือใบร่มนั้น ๆ ก็สามารถป้องกันยูวีได้ เพียงแต่ประสิทธิภาพจะแตกต่างกันออกไปนั่นเอง โดยมีงานวิจัยที่ทำการทดสอบความสามารถในการป้องกันยูวีของผ้าที่ยังไม่ผ่านการเคลือบสารกันยูวี และผ้าที่ผ่านการเคลือบสารแล้ว พบว่า อย่างแรกสามารถป้องกันยูวีได้กว่า 90% ขึ้นไป ขณะที่อย่างหลังสามารถป้องกันยูวีได้กว่า 95% ขึ้นไป

ใบร่มแต่ละสีป้องกันยูวีได้มากน้อยไม่เท่ากัน ปัจจัยต่อมาที่หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่าจะมีผลต่อประสิทธิภาพในการป้องกันยูวีก็คือ สีของใบร่มนั่นเอง ทั้งนี้แต่ละสีให้ความสามารถในการป้องกันรังสียูวีชนิดต่าง ๆ ได้มากน้อยไม่เท่ากัน โดยการวิจัยทดสอบความสามารถในการป้องกันยูวีของสีชนิดต่าง ๆ พบว่าผ้าสีดำ หรือใบร่มสีดำเป็นสีที่สามารถป้องกันรังสียูวีได้ดีที่สุด รองลงมาก็เป็นสีโทนเข้มอื่น ๆ เช่น แดง น้ำเงิน เป็นต้น ขณะที่โทนสีอ่อน เช่น เขียว เหลือง ชมพู จะให้ความสามารถในการป้องกันยูวีได้น้อยลงมาอีก

ร่มที่ผ่านการเคลือบสารแล้ว ไม่ได้มีประสิทธิภาพในการป้องกันยูวีเท่ากันทุกคัน แม้ว่าการเคลือบสารป้องกันยูวีบนใบร่มจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีชนิดต่าง ๆ ซึ่งสามารถทดสอบและพิสูจน์ได้ชัดเจน แต่ความลับนึงที่หลายคนไม่ทราบมาก่อนก็คือร่มที่ผ่านการเคลือบสารแต่ละคันนั้นไม่ได้ให้ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีได้เท่ากันทุกคัน โดยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นนั้นจะขึ้นอยู่กับคุณภาพในระหว่างขั้นตอนการเคลือบสารด้วย เช่น ระดับความเข้มข้น ความสม่ำเสมอในการกระจายตัวของสาร ความเหนียวแน่นในการยึดเกาะกับตัวผ้า เป็นต้น

ใบร่มหนา ๆ สามารถป้องกันยูวีได้ดีกว่า แต่ก็สะสมความร้อนไว้กับตัวมากกว่า ความลับต่อมาที่หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนเช่นกันก็คือ ขนาดความหนาของใบร่ม ซึ่งแน่นอนว่าขนาดที่หนาย่อมป้องกันรังสียูวีได้ดีกว่าใบร่มบาง ๆ หรือก็คือรังสียูวีมีโอกาสเล็ดลอดผ่านได้น้อยกว่านั่นเอง แต่ขณะเดียวกันปัญหาที่ตามมาก็คือ การสะสมความร้อนไว้กับตัวมีมากกว่าตามไปด้วย การใช้ร่มที่ใบร่มหนา ๆ จึงมักจะทำให้ผู้ใช้รู้สึกร้อนมากกว่าด้วย

การเคลือบสารไม่จำเป็นต้องเคลือบด้านในของใบร่ม อีกหนึ่งความลับที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนก็คือ สารเคลือบป้องกันยูวีสีเงินที่เรามักจะเห็นด้านในของใบร่ม หรือก็คือด้านที่ไม่ได้สัมผัสแสงแดดโดยตรงนั้น ความเป็นจริงมันไม่ได้จำเป็นต้องจะต้องเคลือบที่ด้านในเท่านั้น มันสามารถเคลือบด้านนอก หรือด้านที่สัมผัสแสงแดดโดยตรงได้ด้วย แต่สาเหตุที่ผู้ผลิตร่มส่วนใหญ่เลือกที่จะเคลือบไว้ที่ด้านในก็เพราะเหตุผลเรื่องความสวยงามของตัวสินค้านั่นเอง เพราะด้านนอกมักจะเป็นส่วนที่โชว์สีสัน และพิมพ์ลวดลายต่าง ๆ ลงไป  นอกจากนี้ สำหรับการจัดเก็บร่มเพื่อยืดอายุการใช้งานก็ควรมี ที่เก็บร่ม เพื่อป้องกันความเสียหายและรักษาคุณภาพของร่มให้อยู่ในสภาพที่ดีเสมอ