ร่มกอล์ฟ กับร่มกันฝนทั่วไป ต่างกันอย่างไร?
เมื่อพูดถึงร่มก็แน่นอนว่า หลายคนพอจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นสินค้ายอดฮิตชิ้นนึงที่นิยมนำมาใช้ทำเป็นสินค้าพรีเมี่ยมเพื่อประโยชน์ทางการตลาด ใช้เป็นพื้นที่ในการโปรโมทชื่อแบรนด์ องค์กร หรือใจความในแคมเปญต่างๆ ให้กลุ่มลูกค้า และคนทั่วไปได้พบเห็น ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ร่มเป็นสินค้ายอดฮิตในแวดวงการตลาดนั้นก็เพราะตัวสินค้ามีประโยชน์ใช้สอยพื้นฐานที่จำเป็นในชีวิตประจำวันสำหรับทุกคน เรียกว่าทุกคนต่างก็ต้องใช้สอยร่มเพื่อกางกันฝน หรือกันแดดในบางช่วงเวลานั่นเอง อย่างไรก็ตามนอกจากร่มสำหรับกันฝนกันแดดทั่วไปแล้ว เช่น ร่มกลับด้าน ร่มพับ ก็ยังมีร่มประเภทอื่นอีกเช่นกันที่ถูกเลือกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารการตลาดสำหรับแคมเปญต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือร่มกอล์ฟ ตัวช่วยสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ยอดนิยมในหมู่แบรนด์ชื่อดัง และองค์กรขนาดใหญ่
ทั้งนี้กีฬากอล์ฟถือได้ว่าเป็นกีฬายอดนิยมในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับไฮเอนด์ที่มีกำลังซื้อสูงของแบรนด์ และธุรกิจต่างๆ การได้สื่อสารชื่อ โลโก้ หรือกระทั่งใจความในแคมเปญต่างๆ ผ่านร่มกอล์ฟจึงถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยเสริมภาพลักษณ์ชั้นดีให้กับแบรนด์ และองค์กรของเรา ในบทความนี้จึงจะมากล่าวแนะนำถึงความแตกต่างระหว่างร่มกอล์ฟ และร่มกันฝนทั่วไปว่ามีความแตกต่างกันที่ตรงจุดไหน อย่างไรบ้าง เพื่อให้หลายคนที่วางแผนจะทำเป็นสินค้าพรีเมี่ยมสำหรับใช้ในแคมเปญการตลาดขององค์กร บริษัทตัวเองสามารถเลือกออกแบบ กำหนดสเปค และสั่งผลิตได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ได้สินค้าที่ออกมามีคุณภาพ และเหมาะกับการใช้งานจริง
ขนาด และดีไซน์ ความแตกต่างอย่างแรกเลยที่แยกระหว่างร่มกอล์ฟ กับร่มกันแดดกันฝันทั่วไปก็คือ ดีไซน์และขนาด โดยดีไซน์ของร่มกอล์ฟนั้นจะเน้นความเรียบหรู นิยมเลือกใช้สีเข้ม เช่น สีกรมท่า สีดำ หรือเฉดสีพื้นที่ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมในตัวเอง เช่น สีเทา สีบรอนซ์ และใช้ลูกเล่นการออกแบบพื้นฐานอย่างการสลับสีตามช่องโครงร่มมาตรฐาน ขาว-ดำ, ขาว-กรมท่า, ขาว-น้ำเงิน เป็นต้น ขณะที่ร่มกันฝนทั่วไปจะมีความยืดหยุ่นในการดีไซน์มากกว่า มีการเลือกใช้เฉดสีต่างๆ และเล่นลวดลายได้อย่างอิสระ ส่วนขนาด ร่มกอล์ฟจะมีขนาดเริ่มต้นใหญ่กว่าชัดเจน โดยจะมีไซส์มาตรฐานที่นิยมใช้ตั้งแต่ 28 นิ้วขึ้นไป เนื่องจากการกางใช้งานนั้นเป็นการกางใช้ตั้งแต่สองคนขึ้นไป(แคดดี้กางให้กับผู้เล่น หรือนักกอล์ฟ) ขณะที่สินค้าสำหรับใช้งานกางกันแดด กันฝนทั่วไปมีขนาดเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 21 นิ้วเท่านั้น
ร่มกอล์ฟนิยมใช้โครงไฟเบอร์ ความแตกต่างจุดต่อมาก็คือวัสดุที่ใช้ในการทำโครง โดยร่มกอล์ฟนั้นนิยมใช้วัสดุไฟเบอร์ทำโครง เนื่องจากมีน้ำหนักที่เบากว่า และมีความยืดหยุ่นสูงกว่าอลูมิเนียม ซึ่งเป็นผลดีทั้งในแง่ของการถือใช้งาน เนื่องจากตัวสินค้ามีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ และยังสามารถลู่ลมได้ดี กล่าวคือสามารถลดความเสี่ยงที่สินค้าจะเสียหาย หรือโครงหักพับจากแรงลมภายในสนามกอล์ฟได้ดีกว่าโครงอลูมิเนียมด้วยนั่นเอง
ร่มกอล์ฟอาจออกแบบให้มีโครงสองชั้น แม้ว่าโดยลักษณะพื้นฐานโครงร่มกอล์ฟ กับร่มกันฝนทั่วไปจะดูไม่แตกต่างกัน โดยมีรูปแบบการกาง และหุบเก็บ รวมถึงตัวยึดผ้าคล้ายๆ กัน แต่เนื่องจากลักษณะการใช้งานของร่มกอล์ฟที่ต้องใช้งานในสนามกอล์ฟ ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งแจ้ง มีแรงลมสูงกว่าพื้นที่ลักษณะอื่นๆ ที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน จึงมีการคิดค้นดีไซน์ที่ช่วยต้านแรงลม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อตัวสินค้าและผู้ใช้งาน โดยเกิดเป็นดีไซน์โครงสองชั้นขึ้นมา ซึ่งเป็นลักษณะของการสร้างชั้นร่มขนาดเล็กบนส่วนหัวมาซ้อนทับอีกที เป็นเสมือนหมวกร่ม ทำให้เกิดช่องว่างเล็กๆ ระหว่างชั้น ซึ่งจะช่วยต้านแรงลม สะท้อนแรงลมกลับ เวลากางใช้งานผู้ถือจึงจะรู้สึกจับถือใช้งานได้สะดวกกว่าดีไซน์มาตรฐานทั่วไป