CALL CENTER
    02-408-1377 (อัตโนมัติ 10 คู่สาย)

    blog

    ประเภทของร่มต่าง ๆ ที่อาจเหมาะกับความต้องการของคุณ

    ร่มคืออุปกรณ์ที่ปกป้องเราจากแสงแดด ลมหรือปกป้องจากฝนตก ซึ่งร่มในปัจจุบันนี้มีมากมายหลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็นร่มกอล์ฟ, ร่มตอนเดียวม ร่มกลับด้าน ร่มพับ 2 ตอน, ร่มพับ 3 ตอน, ร่มพับ 5 ตอน เป็นต้น ร่มเป็นสิ่งที่เราน่าจะเคยเห็นอยู่กันบ่อย ๆ...

    ร่มคืออุปกรณ์ที่ปกป้องเราจากแสงแดด ลมหรือปกป้องจากฝนตก ซึ่งร่มในปัจจุบันนี้มีมากมายหลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็นร่มกอล์ฟ, ร่มตอนเดียว ร่มกลับด้าน ร่มพับ 2 ตอน, ร่มพับ 3 ตอน, ร่มพับ 5 ตอน เป็นต้น ร่มเป็นสิ่งที่เราน่าจะเคยเห็นอยู่กันบ่อย ๆ และมีความสำคัญมากเป็นสิ่งที่ควรมีไว้ในบ้าน
    การเลือกร่มที่เหมาะกับความต้องการส่วนตัวของคุณ
    มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกร่มที่เหมาะกับความต้องการส่วนตัวของคุณ สิ่งแรกที่คุณต้องพิจารณาคือทำไมคุณถึงต้องการร่ม คุณกำลังมองหาอุปกรณ์ป้องกันฝน อุปกรณ์ป้องกันแสงแดด หรือการสร้างแบรนด์ส่วนตัวอยู่หรือเปล่า? คุณต้องพิจารณาว่าจะใช้ร่มบ่อยแค่ไหน ดังนั้นเราจึงแนะนำร่มเพื่อให้คุณได้พิจารณาร่มที่คุณต้องการ
    ประเภทร่มกันฝน
    ทุกคนเข้าใจดีว่าจุดประสงค์ของร่มกันฝนคือเพื่อป้องกันสภาพอากาศเปียกชื้น อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ คนไม่ทราบว่ามีร่มกันฝนหลายประเภทที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานเฉพาะ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่จะนำไปใช้
    ร่มคลาสสิกเป็นร่มกันฝนที่พบมากที่สุด ร่มเหล่านี้เป็นร่มที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยทั่วไปจะประกอบด้วยก้านโลหะและหลังคาโพลีเอสเตอร์ เป็นร่มที่ใหญ่ที่สุดและทนทานที่สุด อย่างไรก็ตาม หากอาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่มีฝนตกปานกลาง ร่มแบบคลาสสิกน่าจะเป็นคำตอบสำหรับคุณ
    หากคุณอาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยหรือรวดเร็ว อาจจะต้องพิจารณาใช้ร่มแบบพับได้ ร่มพับมีขนาดกะทัดรัดมากและสามารถพกพาใส่กระเป๋าคุณได้ คุณสมบัตินี้ช่วยให้ผู้คนเตรียมพร้อมในกรณีที่เกิดฝนตกกะทันหัน นอกจากนี้ หากคุณวางแผนไปเที่ยวพักผ่อน ร่มพับก็สามารถพกพาได้สบาย
    หากคุณอาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่มีฝนตกและมีลมแรงเป็นพิเศษ คุณอาจพิจารณาใช้ร่มกันพายุ ร่มพายุประกอบด้วยวัสดุที่แข็งแรงเป็นพิเศษ นอกจากนี้ โดยทั่วไปแล้วยังมีการหุ้มสองชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ร่มปลิวขึ้นระหว่างเกิดพายุ ร่ม Storm มักจะมีหลังคาที่ใหญ่ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถอยู่ในร่มได้มากกว่าหนึ่งคน
    สุดท้าย ร่มกอล์ฟได้รับการออกแบบมาพิเศษสำหรับนักกอล์ฟ ร่มเหล่านี้มีขนาดใหญ่กว่าร่มมาตรฐานและออกแบบมาเพื่อปกป้องนักกอล์ฟและตะกร้า ผู้ที่ไม่ใช่นักกอล์ฟบางคนยังใช้ร่มขนาดใหญ่เหล่านี้เพื่อปกป้องตนเองจากความร้อนและฝน ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปในสนามกอล์ฟ
    ประเภทร่มกันแดด
    หลาย ๆ คนอาจเข้าใจว่าร่มทุกแบบสามารถกันแดดไดเ ตาความจริงนั้น ร่มทุกแบบไม่สามารถบังแดดได้ แต่มีร่มที่ออกแบบมาเพื่อกันแดดโดยเฉพาะ ดังนี้
    1. ร่มกันแดด UV Travel ร่มนี้ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์กะทัดรัด มีปุ่มเปิดอัตโนมัติและสามารถพับได้ถึง 12 นิ้ว และมีส่วนโค้งขนาด 43 นิ้ว สามารถกันแดดได้เลยทีเดียว สามารถป้องกันการโดนฝนหากเกิดฝนตกอีกด้วย
    2. ร่มกันแดดแบบพับเปิด-ปิด เป็นร่มอัตโนมัติส่วนโค้งทำจากผ้าปองจีเสริมด้วยการเคลือบเทฟลอน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถป้องกันรังสียูวีได้สูงสุด นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเบาเนื่องจากมีโครงอะลูมิเนียมซึ่งช่วยแก้ปัญหาเรื่องการพกพาได้
    3. ร่มบังแดด PlanetUV ร่มน้ำหนักเบาอีกรุ่นหนึ่งที่ออกแบบมาให้ป้องกันรังสียูวีที่เป็นอันตราย มีส่วนโค้งกันน้ำขนาด 44 นิ้ว
    4. ร่มกันแดดไทเทเนียม มีความกะทัดรัด สะดวกสบายต่อการพกพาและน้ำหนักเบาของร่มกันแดด ทำให้เป็นที่ต้องการ นอกจากป้องกันแสงแดดแล้ว ยังช่วยคุณได้ในกรณีฝนตกปรอย ๆ อีกด้วย
    ทั้งหมดนี้เป็นรูปแบบของร่มที่เราได้แนะนำไป ทั้งนี้คุณควรเลือกให้เหมาะแก่การใช้งานของคุณ นอกจากที่จะสามารถนำไปใช้ส่วนตัวได้แล้วนั้นยังสามารถนำไปเป็นของพรีเมี่ยม เพื่อนำไปแจกในงานแต่ง งานบวช งานสัมมนา เป็นต้น และยังสามารถใช้ในการตกแต่งร้านและสถานที่อื่น ๆ ได้อีกด้วย

    ไขข้อข้องใจ ใบร่มทำจากผ้าชนิดไหน ต้องมีคุณสมบัติใดบ้าง ?

    เมื่อพูดถึงสินค้าอย่างร่ม ก็แน่นอนว่าโดยทั่วไปแล้วหลายคนมักมองว่าเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ใช้งานพื้นฐานธรรมดา ๆ ชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีไว้กางกันแดด กันฝนในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เรียกได้ว่าเป็นสินค้าที่ดูจะไม่มีความซับซ้อนอะไร...

    เมื่อพูดถึงสินค้าอย่างร่ม ก็แน่นอนว่าโดยทั่วไปแล้วหลายคนมักมองว่าเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ใช้งานพื้นฐานธรรมดา ๆ ชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีไว้กางกันแดด กันฝนในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน อย่างร่มพับ ร่มตอนเดียว เรียกได้ว่าเป็นสินค้าที่ดูจะไม่มีความซับซ้อนอะไร แต่ทว่าเมื่อมองในแง่ของการผลิตต้องถือเป็นสินค้าที่มีความซับซ้อน และมีองค์กรประกอบมากกว่าที่หลายคนคิดไว้ เพราะการจะผลิตร่มขึ้นมาได้สักคันนั้น ต้องมีการทำชิ้นส่วนหลายชิ้นมาประกอบเข้าด้วยกัน และแต่ละชิ้นส่วนต่างก็ใช้วัสดุที่แตกต่างออกไป ทั้งส่วนโครง แกนกลาง ใบร่ม ด้ามจับ และส่วนประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ นอกเหนือจากนี้ อีกทั้งวัสดุที่นำมาใช้ก็ยังต้องมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างไปจากการผลิตสินค้าชนิดอื่น ๆ ด้วย ในบทความนี้จึงได้เลือกนำเอาความรู้ในส่วนของการทำใบร่ม ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากที่สุดส่วนหนึ่งมาแนะนำบอกกล่าวให้หลายคนได้ทราบกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่สนใจสั่งทำร่มพรีเมี่ยมกับโรงงานผู้ผลิตต่าง ๆ สำหรับใช้ในกิจกรรมทางการตลาดใด ๆ ของแบรนด์ บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ เพื่อจะได้มีข้อมูลประกอบการบรีฟออเดอร์กับทางโรงงานผู้ผลิต และสามารถเลือกเกรดวัสดุได้ถูกต้องตามสเปคสินค้าที่คาดหวัง

    ใบร่มนิยมใช้ผ้าโพลีเอสเตอร์ผลิต ตัวอย่างเช่น ร่มพับ ร่มกอล์ฟ และอื่น ๆ อีกหลายแบบ ประเด็นแรกที่หลายคนน่าจะสงสัยมากที่สุดในการทำร่มสักคันก็คือ ผ้าที่จะนำมาใช้ในการทำใบร่มนั้นต้องเป็นผ้าชนิดไหน คำตอบก็คือ ผ้าโพลีเอสเตอร์นั่นเอง เนื่องจากการทำใบร่มนั้นต้องการคุณสมบัติของเส้นใยที่มีความลื่น ป้องกันน้ำได้ ซึ่งเส้นใยโพลีเอสเตอร์มีคุณสมบัติดังกล่าว อย่างไรก็ตามไม่ใช่ผ้าโพลีเอสเตอร์ทุกแบบ หรือทุกเกรดจะนำมาใช้ผลิตได้ โดยจะมีเฉพาะเกรดเท่านั้นที่สามารถนำมาใช้ผลิตใบร่มได้ ตัวอย่างเช่น ผ้าโพลีเอสเตอร์พองจี เป็นต้น เส้นใยโพลีเอสเตอร์ตามตัวอย่างดังกล่าวจะถูกถักทอมาแบบไม่ให้น้ำ หรือของเหลวใด ๆ ซึมทะลุผ่านไปอีกด้านได้ นอกจากนี้ผ้าโพลีเอสเตอร์เกรดดังกล่าวก็ยังมีการแบ่งระดับความหนาออกเป็นหลายระดับด้วย ซึ่งระดับความหนาที่มากนั้นก็ย่อมตามมาด้วยความทนทานที่มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ตามมาด้วยน้ำหนักที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน

    คุณสมบัติการปกป้องยูวี นอกเหนือจากคุณสมบัติความลื่น และป้องกันน้ำของเนื้อผ้าสำหรับใช้ทำใบร่มแล้ว อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ตกหล่นไปไม่ได้เช่นกันก็คือ คุณสมบัติในการป้องกันยูวี หรืออันตรายจากแสงแดดนั่นเอง ทั้งนี้โดยทั่วไปแล้วหลายคนมักเข้าใจว่าผ้าชนิดที่สามารถป้องกันยูวีจากแสงแดดได้ต้องเป็นผ้าที่ผ่านการเคลือบสารป้องกันยูเวี ซึ่งมีวิธีสังเกตง่าย ๆ ก็คือ อีกด้านของผ้าจะเป็นพื้นผิวสีเงิน ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องส่วนหนึ่ง เพราะเมื่อน้ำผ้าโพลีเอสเตอร์ไปผ่านกระบวนการเคลือบแบบ Silver UV Coating แล้วก็จะทำให้ได้พื้นผิวของเนื้อผ้าอีกด้านเป็นสีเงิน ซึ่งการเคลือบสารรูปแบบนี้จะให้ระดับการป้องกันรังสียูวี หรือ Ultraviolet Protection Factor ในระดับ 25 (ตัวเลขยิ่งมากก็ยิ่งหมายถึงระดับการป้องกันที่มากตามไปด้วย) แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้หมายความผ้าโพลีเอสตอร์ที่ไม่ได้ผ่านการเคลือบสารดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติในการป้องกันยูวี โดยผ้าโพลีเอสเตอร์ที่ยังไม่ผ่านการเคลือบสารก็มีความสามารถในการป้องกันรังสียูวีตั้งแต่ระดับ 15 ขึ้นไป และหากเป็นผ้าที่ยังไม่มีการเคลือบสาร แต่มีระดับความหนามากหน่อย เมื่อนำไปเทียบกับผ้าที่ระดับความหนาน้อยและผ่านการเคลือบสารฯแล้ว ก็อาจมีระดับความสามารถในการป้องกันรังสียูวีได้ใกล้เคียงกันด้วยซ้ำ นอกจากนี้การเคลือบสารป้องกันรังสียูวีบนผ้าร่มก็ยังมีการเคลือบในรูปแบบอื่น ๆ ที่ให้ระดับความสามารถในการป้องกันรังสียูวีที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย ตัวอย่างเช่น การเคลือบแบบ Black UV Coating ที่จะทำให้ได้พื้นผิวผ้าอีกด้านเป็นสีดำ ซึ่งให้ระดับการป้องกันรังสียูวีมากกว่า 30 UPF ขึ้นไป

    เปรียบเทียบร่มกับแสง UV และไม่กันแสง UV

    ร่มในปัจจุบันนั้นมีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ร่มกลับด้วน ร่มกอล์ฟ และอื่น ๆ อีกมากมายร่มไม่ได้เพียงแค่ปกป้องจากการเปียกฝนแต่ยังสามารถกันแดดได้อีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราน่าจะรู้กันดี เราจะเห็นคนไทยพกร่มในหลาย ๆ แห่งทั้งไปทำธุระ ไปเที่ยว หรือไปทำงาน...

    ร่มในปัจจุบันนั้นมีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ร่มกลับด้าน ร่มกอล์ฟ และอื่น ๆ อีกมากมายร่มไม่ได้เพียงแค่ปกป้องจากการเปียกฝนแต่ยังสามารถกันแดดได้อีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราน่าจะรู้กันดี เราจะเห็นคนไทยพกร่มในหลาย ๆ แห่งทั้งไปทำธุระ ไปเที่ยว หรือไปทำงาน เพราะว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อน จึงทำให้เห็นสิ่งนี้อยู่บ่อย ๆ แต่หลาย ๆ คนก็คงคิดว่าใช้ร่มแบบไหนก็บังแดดได้หมด ซึ่งมันเป็นเรื่องจริง แต่ก็ยังมีบางรุ่นบางแบบที่กันแดดได้ดีกว่าร่มปกติ นั้นก็คือร่มกันแสง UV หากคุณยังไม่เข้าใจว่าการใช้งานและคุณสมบัติของมันว่าแตกต่างจากร่มอื่นอย่างไร เราจึงทำการเปรียบเทียบระหว่างร่มกันแสง UV และไม่กันแสง UV ดังนี้
    ร่มกันแสง UV
    ประโยชน์ของร่ม ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องผิวหนังจากรังสี UV ซึ่งเป็นรังสีแสงอัลตราไวโอเลตเอ และแสงอัลตราไวโอเลตบี ที่อาจก่อให้เกิดการทำลายของเซลล์ผิวหนังและเป็นสาเหตุของริ้วรอยและฝ้า
    การออกแบบ จะมีผ้าที่เคลือบสารกรองแสง UV เพื่อรักษาการส่งผ่านแสง UV ในระดับที่ปลอดภัย
    การใช้งาน เหมาะสำหรับการใช้กลางแจ้งในระหว่างที่ต้องอยู่นอกแดด เช่น การเดินทางหรือกิจกรรมกลางแจ้ง
    ร่มไม่กันแสง UV
    ประโยชน์ของร่มแบบไม่กันแสง UV ไม่มีความสามารถในการป้องกันแสงจากรังสี UV และไม่ได้เคลือบสารกรองแสง UV เนื่องจากส่วนประกอบของมันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นสิ่งกันแสง UV มีการออกแบบเพื่อการใช้งานทั่วไปในอากาศที่ไม่ร้อนจัด
    การใช้งานร่มไม่กันแสง UV เหมาะสำหรับการป้องกันฝนและแสงแดดทั่วไป แต่ไม่มีความสามารถในการป้องกันจากรังสี UVร่มที่แนะนำคือร่มพับ เพราะมีขนาดเล็กกระทัดรัดและดูแลง่าย
    สรุปคือ ถ้าคุณต้องการร่มป้องกันจากรังสี UV ที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนัง คุณควรเลือกร่มกันแสง UV ที่ออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้ แต่ถ้าคุณต้องการเพียงแค่ป้องกันฝนและแสงแดดทั่วไป ร่มไม่กันแสง UV ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมได้
    หากถามว่าการพกร่มดีอย่างไง เราจึงนำคำตอบมาให้ดังนี้ เพื่อพิจารณาในการซื้อร่ม
    การป้องกันจากสภาพอากาศ หากคุณอยู่ในสถานการณ์ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เช่น ฝนหรือแสงแดดจัดกะทันหัน การพกร่มติดตัวจะช่วยให้ไม่โดนแดดที่ทำร้ายผิวของคุณหรือฝนที่ทำให้ตัว หรือเอกสารของคุณเปียกโดยตรง ทั้งนี้การพกร่มขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความต้องการของคุณ ถ้าคุณรู้สึกว่าการพกร่มจะทำให้คุณมีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้นในสถานการณ์ที่คุณจะเผชิญ คุณสามารถพิจารณาพกร่มติดตัวเพื่อเตรียมพร้อมในการเดินทางหรือกิจกรรมต่าง ๆ ได้
    หากคุณกำลังตามหาร่มที่ดีมีคุณภาพ พกพาง่าย และใช้งานสะดวก เราจึงยกตัวอย่างร่มที่ดีมีคุณภาพบางส่วนมาแนะนำ มีหลายแบบหลายสีให้คุณพิจารณาตามความต้องการและงบประมาณของคุณ ดังนี้
    Totes เป็นที่รู้จักในด้านร่มที่มีคุณภาพดีและราคาเป็นมิตร ร่ม Totes มีรูปแบบหลากหลายและมากับคุณสมบัติพิเศษ เช่น ร่มกันลมและร่มกันแสง UV
    Fulton มีชื่อเสียงในเรื่องของร่มที่มีความทนทานและมีคุณภาพดี แบรนด์นี้ออกแบบร่มที่ทันสมัยและมาพร้อมกับสไตล์ที่หลากหลาย
    Blunt มีการออกแบบที่สวยงามและทนทาน เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการร่มที่ทนทานและสามารถใช้งานในสภาพอากาศต่าง ๆ ได้
    GustBuster มีคุณสมบัติในการกันลมที่ยอดเยี่ยม ร่มของแบรนด์นี้ได้รับการทดสอบและรับรองว่าสามารถทนต่อลมแรงได้มาก ทำให้เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่มีลมแรงหรือฝนตก
    Davek เน้นคุณภาพและดีไซน์ที่หรูหรา มีคุณสมบัติกันลมและออกแบบที่ดูดีตามทั้งความสวยงามและความทนทาน
    Knirps เป็นแบรนด์ของร่มที่มีประวัติยาวนาน มีดีไซน์ที่คลาสสิกและสไตล์ที่คัดสรรมาให้เหมาะสำหรับทุกโอกาส
    ขอแนะนำให้คุณศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับร่มที่คุณสนใจ รวมถึงอ่านรีวิวความคิดเห็นจากผู้ใช้งานเพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกร่มที่เหมาะสมกับคุณ

    เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย ร่มพกพาตอนเดียว VS ร่มพับหลายตอน ควรเลือกใช้ดีไซน์แบบไหนทำร่มพรีเมี่ยม ?

    หากจะแบ่งประเภทสินค้าอย่างร่ม ซึ่งทุกคนคุ้นเคยกันดีกับประโยชน์ใช้งานสำหรับกางกันแดดกันฝนนั้น ก็แน่นอนว่าโดยทั่วไปแล้ว เรามักจะแบ่งกันออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือร่มพกพาตอนเดียว ที่มีรูปแบบการพับเก็บ และกางใช้งานเป็นแบบตอนเดียวตามชื่อเรียก กล่าวคือกดปุ่มที่ด้ามจับ...

    หากจะแบ่งประเภทสินค้าอย่างร่ม ซึ่งทุกคนคุ้นเคยกันดีกับประโยชน์ใช้งานสำหรับกางกันแดดกันฝนนั้นอย่างร่มพับ ก็แน่นอนว่าโดยทั่วไปแล้ว เรามักจะแบ่งกันออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือร่มตอนเดียว ที่มีรูปแบบการพับเก็บ และกางใช้งานเป็นแบบตอนเดียวตามชื่อเรียก กล่าวคือกดปุ่มที่ด้ามจับ หรือดันโครงร่มขึ้นเพื่อกางใช้งาน และดึงโครงลงมาเพื่อพับเก็บขณะที่ไม่ใช้งาน กับอีกประเภทคือ ร่มพับหลายตอน ที่การพับเก็บโครง และก้านจับขณะไม่ได้ใช้งานจะเป็นการพับเก็บตั้งแต่ 2 ตอนขึ้นไป ทำให้มีขนาด(ขณะพับเก็บ)ที่กะทัดรัด พกพาสะดวกกว่าแบบตอนเดียว ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีแบบร่มพับ 2 ตอน และ 3 ตอน โดยแบบ 3 ตอนจะมีขนาดหลังการพับเก็บที่เล็กกะทัดรัดกว่าแบบ 2 ตอน ทั้งนี้ความแตกต่างกันเรื่องของขนาดดังกล่าวถือเป็นข้อดีข้อเสียที่ผู้บริโภค ผู้ใช้งานหลายคนทราบกันดีอยู่แล้ว หรือสรุปง่ายๆ ได้ว่าแบบหลายตอนนั้นมีขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวกกว่านั่นเอง อย่างไรก็ตามหากมองในมุมของการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการผลิตเป็นร่มพรีเมี่ยมสำหรับใช้ในกิจกรรมทางการตลาดของแบรนด์ ห้างร้านต่าง ๆ ต้องบอกว่าร่มทั้งสองแบบยังมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันอยู่อีกหลายประการด้วยกัน ในบทความนี้จึงได้เลือกสรุปมาเปรียบเทียบให้ได้ทราบกันว่าทั้งแบบตอนเดียว และแบบพับหลายตอนนั้นมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้แบบไหนทำเป็นสินค้าพรีเมี่ยมมากกว่ากัน
    ร่มตอนเดียวมีความแข็งแรงทนทานกว่า ข้อแตกต่างอย่างแรกที่ถือว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้แบรนด์ ห้างร้านต่าง ๆ นิยมใช้ดีไซน์ร่มตอนเดียวทำเป็นสินค้าพรีเมี่ยมมากกว่าแบบพับหลายตอนก็คือเรื่องของความแข็งแรงทนทาน โดยดีไซน์แบบตอนเดียวนั้นจะทำให้ได้โครง ก้านอลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงกว่า ขณะที่แบบพับหลายตอนนั้นจำเป็นต้องทำให้ส่วนโครงพับเก็บได้หลายทบ ทำให้ได้ก้านที่มีรอยต่อเยอะกว่า มีความยืดหยุ่นกว่า ความแข็งแรงมั่นคงจึงลดน้อยลงไปด้วยนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการกางใช้งานขณะที่ฝนรมแรง ดีไซน์แบบพับหลายตอนนั้นเสี่ยงที่จะต้านแรงลมไม่ไหว และก้านโครงหัก ชำรุดจนใช้งานต่อไม่ได้ ดังนั้นในการทำเป็นสินค้าพรีเมี่ยมที่มีความสัมพันธ์กับการรักษาภาพลักษณ์เรื่องของคุณภาพ แบรนด์ ห้างร้านต่าง ๆ จึงนิยมเลือกใช้ดีไซน์แบบตอนเดียวมากกว่า
    ต้นทุนการสั่งผลิต อีกหนึ่งข้อเปรียบเทียบที่ถือว่าเป็นข้อดีของดีไซน์ร่มตอนเดียวก็คือ ต้นทุนการสั่งผลิตนั่นเอง ทั้งนี้ดังที่กล่าวข้างต้นว่าดีไซน์แบบพับหลายตอนนั้นจำเป็นต้องทำให้ส่วนก้านโครงสามารถพับเก็บได้ ซึ่งนั่นก็ย่อมตามมาด้วยขั้นตอนการผลิตที่มีความยากกว่า ละเอียดกว่า ต้นทุนการสั่งผลิตร่มพับ 2 ตอน และร่มพับ 3 ตอน โดยทั่วไปจึงสูงกว่าแบบตอนเดียว แบรนด์ ห้างร้านต่าง ๆ จึงนิยมเลือกใช้ดีไซน์แบบตอนเดียวทำเป็นสินค้าพรีเมี่ยมมากกว่า แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ต้นทุนสุทธิในการสั่งผลิตร่มสักคันก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วย ทั้งขนาด ชนิด เกรดของวัสดุที่เลือกใช้ เป็นต้น
    ดีไซน์แบบตอนเดียวเอื้อต่อการโปรโมทแบรนด์ แคมเปญต่าง ๆ มากกว่า อีกหนึ่งข้อเปรียบเทียบที่น่าจะเป็นเหตุผลสนับสนุนให้นักการตลาด แบรนด์ ห้างร้านต่าง ๆ ตัดสินใจเลือกใช้ดีไซน์ร่มแบบตอนเดียวทำเป็นร่มพรีเมี่ยมเช่นกันก็คือ ประสิทธิภาพในการโปรโมทผ่านข้อความ สัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่พิมพ์ลงไปนั่นเอง เพราะดีไซน์พื้นฐานของร่มแบบตอนเดียวในส่วนใบร่มจะมีความโค้งลงมากกว่าร่มพับ 2 และร่มพับ 3 ตอน เมื่อพิมพ์โลโก้ หรือข้อความใด ๆ ลงไปจึงดูโดดเด่น สังเกตเห็นได้ง่ายกว่า เช่นเดียวกับขณะพับเก็บร่มเมื่อไม่ใช้งาน ซึ่งดีไซน์แบบพับหลายตอนนั้นแทบจะสังเกตเห็นข้อความ หรือสัญลักษณ์ใด ๆ ที่พิมพ์ลงบนผ้าร่มไม่ได้ ขณะที่แบบตอนเดียวนั้นยังสามารถสังเกตเห็นโลโก้ หรือความใด ๆ ในบางตำแหน่งได้

    ร่มญี่ปุ่น เสน่ห์ความงามที่น่าสนใจ

    หากเราจะกล่าวถึงร่ม เราก็มักจะนึกถึงร่มที่เราคุ้นชินกันไม่กี่รูปแบบ หากมีที่ไม่ธรรมดาขึ้นมาหน่อย ก็อาจจะเป็นแบบที่ใช้ในสนามสนามกอล์ฟ หรือแบบที่พับเก็บกลับด้านได้ แต่คงไม่มีใครนัดที่จะนึกถึงร่มอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะนำมาใช้ได้จริงแล้ว...

    หากเราจะกล่าวถึงร่ม เราก็มักจะนึกถึงร่มที่เราคุ้นชินกันไม่กี่รูปแบบไม่ว่าจะเป็นร่มพับ  ร่มตอนเดียวก็ตาม หากมีที่ไม่ธรรมดาขึ้นมาหน่อย ก็อาจจะเป็นแบบที่ใช้ในสนามกอล์ฟอย่างร่มกอล์ฟหรือแบบที่พับเก็บกลับด้านได้ แต่คงไม่มีใครนักที่จะนึกถึงร่มอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะนำมาใช้ได้จริงแล้ว ยังเปลี่ยนเสมือนงานศิลปะอันประณีตงดงาม และมีเรื่องราวความเป็นมาอย่างยาวนาน รูปแบบที่ว่านั้นเราเรียกว่า ร่มญี่ปุ่น

    อุปกรณ์ชิ้นนี้ก็ยังสามารถที่จะกันแดดหรือกันฝนได้เหมือนกับร่มทั่วไป หลายคนอาจมองว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้ไม่แข็งแรง และเหมาะสมที่จะนำไปตกแต่งเสียมากกว่า แท้จริงแล้วมันเป็นแบบนั้นหรือไม่ วันนี้เราจะมาดูกัน

    ร่มญี่ปุ่นคืออะไร

    ร่มญี่ปุ่นนั้น เป็นรูปแบบโบราณที่มีมาอย่างยาวนาน ลักษณะที่สำคัญคือ บริเวณด้ามจะเป็นไม้ ตัวร่มนั้นจะทำมาจากกระดาษ ส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์ชิ้นนี้มักจะถูกทำมาในลักษณะของงานฝีมือ วัสดุหลักส่วนใหญ่นั้นจะมาจากธรรมชาติ ที่โดดเด่นอีกอย่างคือการวาดลวดลายให้มีสีสันที่มีความสวยงาม เพื่อบ่งบอกถึงความประณีตและงานฝีมือของผู้คนในสมัยก่อน ลวดลายที่วาดลงไปก็อาจเป็นลวดลายที่เป็นธรรมชาติอย่างพวกใบไม้หรือดอกไม้

    เสน่ห์ของมันอยู่ที่ลวดลายดังกล่าวนี่เอง ลักษณะโดดเด่นที่สำคัญอีกอย่างคือการกระจายในระยะห่างที่เท่ากัน ทำให้ดูความสวยงามโดด และดูเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ดังนั้นจึงน่าแปลกใจเลย ว่าเหตุใดชาวญี่ปุ่นในปัจจุบันยังคงอนุรักษ์สิ่งนี้ไว้ เพื่อนำไปประกอบในพิธีสำคัญต่างๆ

    เรื่องราวความเป็นมา

    อุปกรณ์สำคัญชิ้นนี้ เป็นอุปกรณ์ฝีมือของประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก หากจะเล่าเรื่องราวเราก็จำเป็นที่จะต้องย้อนไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 ในสมัยนั้นชาวญี่ปุ่นยังรู้จักสิ่งที่เรียกว่าร่ม ตอนนั้นชาวบ้านใช้หมวก หรือผ้าคลุมสำหรับการกันฝนเพียงเท่านั้น จากนั้นอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็ถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่น โดยนำเข้ามาจากประเทศจีน เราเรียกว่า “เท็นไง” มีลักษณะคือจะไม่สามารถปลูกได้ ทำจากกระดาษ และมีการวาดลวดลายธรรมชาติลงไป เมื่อชาวญี่ปุ่นเห็นนั้นจึงได้นำเอาสิ่งนี้มาดัดแปลง โดยการใช้วัสดุท้องถิ่นอย่างไม้ไผ่ และวัสดุอื่นทำให้กลายเป็นของตัวเอง

    วัสดุที่ใช้ในการทำ

    ในยุคสมัยเอดะของญี่ปุ่นนั้น ส่วนประกอบที่ใช้ในการทำมักจะมาจากวัสดุธรรมชาติ บริเวณด้ามทำมาจากไม้ไผ่ หรือไม้ของต้นเอโกะโนะกิ ส่วนบริเวณตัวจะทำมาจากกระดาษญี่ปุ่น ที่มีการวาดลวดลายสีสันสดใสลงไป นอกจากนี้ยังมีการใช้น้ำมันพืชเพื่อเคลือบบริเวณผ้า ทำให้สามารถกันน้ำและใช้ในการกันฝนได้ บริเวณซี่จะทำการทาด้วยยางไม้ เพื่อทำให้มีความแข็งแรงทนทานมากยิ่งขึ้น ในส่วนของโครงและซี่ก็ทำมาจากไม้ไผ่เช่นเดียวกัน มีการทำเป็นซี่และใช้เชือกในการเย็บติด บริเวณตรงกลางจะมีกระดาษติดไว้อีกชั้นหนึ่ง เป็นการเพิ่มความแข็งแรงได้ด้วย

    ความแตกต่างของแบบญี่ปุ่นกับแบบทั่วไป

    อย่างแรกที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนเลย คือเรื่องของวัสดุที่ใช้ในการทำที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วหากเป็นของญี่ปุ่นมักจะทำมาจากวัสดุจากธรรมชาติ อย่างการใช้ไม้ไผ่ ที่แตกต่างกันอีกคือบริเวณซี่ ที่ของญี่ปุ่นมักจะมีมากกว่า หากเราลองสังเกตของฝั่งตะวันตก จะมีซี่อยู่เพียงแค่ 8 ซี่เท่านั้น แต่หากเป็นญี่ปุ่นจะมีได้มากถึง 30-70 ซี่เลยทีเดียว บริเวณด้ามก็เช่นกัน ของญี่ปุ่นจะมีลักษณะเป็นแนวตรง แต่หากเป็นของฝั่งตะวันตกจะมีลักษณะลักษณะเป็นได้จับงุ้มปลาย

    ในเรื่องของการใช้งานนั้น เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแบบตะวันตกถูกหยิบยกมาใช้งานได้มากกว่า เนื่องจากมีความแข็งแรงทนทานและหาได้ง่ายกว่านั่นเอง ซึ่งร่มที่ถูกหยิบขึ้นมาใช้บ่อย ๆ ก็คือ ร่มตอนเดียว มีความทนทานแข็งแรงมาก ๆ

    ทำไม ร่มกันยูวีถึงน่าสนใจ

    แน่นอนว่าหากเรากำลังกล่าวถึงร่ม หลายคนก็มักจะนึกถึงร่มที่ใช้สำหรับการกันฝน หรือกันแดดอะไรแบบนั้น เทคโนโลยีปัจจุบันนี้เอง ทำให้เกิดร่มกันแดดชนิดหนึ่งขึ้นมา นอกจากจะสามารถกันฝนกันแดดได้แล้ว ยังสามารถกันรังสียูวีตัวร้ายได้อีกด้วย ซึ่งเราก็เรียกมันว่า ร่มกันยูวี...

    แน่นอนว่าหากเรากำลังกล่าวถึงร่ม หลายคนก็มักจะนึกถึงร่มที่ใช้สำหรับการกันฝน หรือกันแดดอะไรแบบนั้นไม่ว่าจะเป็นร่มพับ ร่มตอนเดียว และอื่น ๆ อีกมากมาย เทคโนโลยีปัจจุบันนี้เอง ทำให้เกิดร่มกันแดดชนิดหนึ่งขึ้นมา นอกจากจะสามารถกันฝนกันแดดได้แล้ว ยังสามารถกันรังสียูวีตัวร้ายได้อีกด้วย ซึ่งเราก็เรียกมันว่า ร่มกันยูวี รังสียูวีดังกล่าวเป็นอะไรที่มีความอันตรายต่อผิวหนังของเรามาก มันทำให้เราผิวไหม้จากแสงแดด ในบางคนอาจมีอาการผื่นขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน และหากร้ายแรง อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้

    ร่วมกันยูวีถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและน่าสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับหลายคน ที่อาจคิดว่าร่มธรรมดาก็ใช้งานได้ หรือยังไม่เห็นว่าร่มกันยูวีจะมีประโยชน์อะไร วันนี้เราจะชวนคุณมานั่งคุยกัน ว่าทำไมเราจึงถึงควรเลือกร่มกันยูวีมาใช้งาน

    สามารถกันรังสียูวีได้ดีกว่า

    แน่นอนว่า ร่มกันยูวี ก็สามารถที่จะกันรังสียูวีได้ดีกว่ารูปแบบปกติอย่างแน่นอน หากเป็นร่มรูปแบบปกติ เราไม่อาจที่จะบอกได้เลยว่ามันกันรังสียูวีหรือไม่ หรือการได้มากน้อยแค่ไหน แสงแดดเป็นอันตรายต่อผิวหนังของเรา มันจะทำลายคอลลาเจนบนผิวหนัง ทำให้เราเกิดการเหี่ยวย่นและจุดด่างดำได้ หากได้รับมากเข้าอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ด้วยเช่นเดียวกัน มีการวิจัยและศึกษามาเป็นอย่างดี ว่ามันสามารถที่จะป้องกันรังสียูวีได้มากถึง 99% และเรียกได้ว่ามันสามารถป้องกันรังสีได้มากกว่าครีมกันแดดหรือเครื่องสำอางเสียอีก

    ป้องกันผิวเราจากการเกิดมะเร็ง

     

    เพราะรังสียูวีเหล่านี้ หากเราได้รับในปริมาณมากเป็นเวลานาน อาจเกิดมะเร็งผิวหนังได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งนี่ถือเป็นอันตรายที่ร้ายแรงมากเลยทีเดียว สิ่งนี้สามารถช่วยป้องกันเราจากแสงแดด นอกเหนือจากนั้นป้องกันเราจากรังสียูวีได้ ด้วยเหตุนี้มันจึงป้องกันผิวของเราจากการเกิดมะเร็ง หรืออย่างน้อยก็ลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังให้กับเราได้

    ลดปัญหากระจกตาอักเสบ

    นอกจากเรื่องของผิวหนังแล้ว แสงแดดและรังสียูวีเหล่านี้ ยังเป็นอันตราย กับดวงตาของเราด้วยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตอนที่เราอยู่กลางแสงแดดเป็นเวลานาน หรือจ้องแสงแดดเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดกระจกตาอักเสบได้ นอกจากนี้ยังอาจเกิดปัญหาสำหรับดวงตาอย่างอื่นอย่างเช่นต้อกระจก ต้อลม หรือต้อเนื้อได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งนี่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา

    ป้องกันแสงแดดที่จะทำให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำบนใบหน้า

    การที่เราตากแดดอยู่กลางแจ้ง โดยที่ไม่มีปิดบังหน้าตาของเราเลย มันทำให้เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำบนใบหน้าของเราได้ด้วยเช่นเดียวกัน การรักษาสิ่งเหล่านี้อาจจะต้องใช้เวลาอย่างยาวนาน และจำเป็นที่จะต้องใช้เงินมากด้วย ดังนั้นน่าจะดีกว่า หากเราป้องกันไม่สิ่งนี้เกิดขึ้นแต่แรก หรืออย่างน้อยก็ป้องกันไม่ให้สิ่งนี้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร่วมกันยูวี อย่างน้อยก็ช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้ในระดับหนึ่ง

    สามารถใช้เป็นของพรีเมี่ยม หรือของที่ระลึกในโอกาสต่าง ๆ ได้

    เราจะเห็นหลายคน ในหลายโอกาสสำคัญ มอบของสิ่งนี้เป็นของที่ระลึก หรือแม้แต่ของชำร่วยให้แก่กัน ซึ่งนับว่าเป็นไอเดียที่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตามก็ยอดเยี่ยม นอกจากจะเป็นของที่ระลึกแล้ว ยังสามารถใช้ในการเป็นสื่อทางการตลาด หรือก็คือการนำมาจัดทำเป็นของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้า สำหรับแบรนด์หรือองค์กรต่าง ๆ ได้ด้วยเช่นเดียวกัน หากทำเป็นของพรีเมี่ยมอาจจะมีการสกรีนโลโก้ ชื่อแบรนด์ หรือสัญลักษณ์บางอย่างของแบรนด์ลงไป แบบนี้จะเป็นการสร้างการมองเห็น และถือเป็นสื่อทางการตลาดที่ยอดเยี่ยม เป็นของที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง เกิดประโยชน์มากมายในหลากหลายด้าน อีกทั้งยังเป็นการโฆษณาแบรนด์ไปในตัวด้วย หรือถ้าหากต้องการร่มใหญ่ ๆ แต่สามารถกันแดดได้ค้ล้าย ๆ กับร่มกันยูวีเราแนะนำเป็นร่มกอล์ฟเพราะมีขนาดใหญ่ สามารถกันแดดได้ แต่ประสิทธิภาพในการกันแดดนั้นจะไม่ดีเท่าร่มกันยูวี

    5 ลักษณะการออกแบบร่มกอล์ฟ ให้ดูสวยงาม พรีเมี่ยมกว่าร่มสำหรับใช้งานทั่วไป

    หากจะให้แบ่งประเภทของร่มแบบถือใช้งาน(พกพา) ก็แน่นอนว่าเราสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือร่มสำหรับใช้งานทั่วไป ที่มีไว้พกพาติดไว้กันแดด กันฝน และร่มกอล์ฟ ซึ่งมีไว้ใช้งานในสนามกอล์ฟ หรือระหว่างการเล่นกีฬากอล์ฟนั่นเอง ทั้งนี้แม้ว่าหน้าตาโดยรวม...

    หากจะให้แบ่งประเภทของร่มแบบถือใช้งาน(พกพา) ก็แน่นอนว่าเราสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือร่มสำหรับใช้งานทั่วไปอย่าง ร่มพับ ร่มตอนเดียว ที่มีไว้พกพาติดไว้กันแดด กันฝน และร่มกอล์ฟ ซึ่งมีไว้ใช้งานในสนามกอล์ฟ หรือระหว่างการเล่นกีฬากอล์ฟนั่นเอง ทั้งนี้แม้ว่าหน้าตาโดยรวม และประโยชน์ใช้สอยของสินค้าทั้งสองแบบดูจะไม่มีความแตกต่างกัน กล่าวคือมีไว้ใช้กางกันแดด กันฝนเหมือนกัน แต่เมื่อพูดถึงภาพลักษณ์ของตัวสินค้าแล้ว ถือว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยร่มกอล์ฟนั้นมีภาพลักษณ์ที่ดูพรีเมี่ยมกว่า และเป็นตัวช่วยในการโปรโมทแบรนด์ สื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ที่เฉพาะเจาะจง ขณะที่ร่มสำหรับใช้งานทั่วไปมักจะถูกใช้ในกิจกรรมการตลาดที่เป็นการสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์แบบกว้าง ๆ ไม่มีการเจาะจงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ในบทความนี้จึงได้นำเอา 5 ลักษณะการออกแบบร่มกอล์ฟ ที่จะทำให้ตัวสินค้าออกมาพรีเมี่ยมกว่าสินค้าสำหรับใช้งานทั่วไป เหมาะที่จะใช้เป็นตัวช่วยในการสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์แบบเฉพาะเจาะจงกลุ่มเป้าหมายมาแนะนำให้ได้ทราบกัน
    ด้ามจับยาวกว่าขนาดมาตรฐานทั่วไป อย่างที่ทราบกันดีว่าในการใช้งานร่มกอล์ฟนั้นมีความแตกต่างจากการใช้ร่มพกพาทั่ว ๆ ไป โดยร่มกอล์ฟเป็นการถือใช้งานในลักษณะถือกางให้ผู้อื่น หรือก็คือแคดดี้เป็นคนถือกางให้ผู้เล่น ขณะที่ร่มพกพาสำหรับใช้งานทั่วไปมักจะเป็นการถือกางใช้งานเอง ดังนั้นหนึ่งในลักษณะการออกแบบที่ต้องคำนึงถึงสำหรับสินค้าใช้งานสนามกอล์ฟ จึงเป็นส่วนของด้ามจับที่ต้องมีความยาวมากกว่าขนาดมาตรฐานของสินค้าใช้งานทั่วไป เพื่อให้ถือกางใช้งานได้อย่างถนัดและมีระดับความสูงที่เหมาะสมนั่นเอง
    ใช้สีโทนเข้ม ดังที่กล่าวข้างต้นว่าภาพลักษณ์ของร่มกอล์ฟนั้นมีความแตกต่างจากสินค้าใช้งานทั่วไปอย่างชัดเจน โดยมีความพรีเมี่ยม และดูเรียบหรูกว่า เพื่อให้เหมาะสำหรับการสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์เฉพาะกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นการเลือกใช้สีของผ้า หรือใบร่ม จึงควรเลือกใช้โทนสีเข้มต่าง ๆ ที่ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม เช่น สีดำ สีกรม สีบลอนด์ เป็นต้น
    ใช้โครงร่มที่มีจำนวนก้าน 24 ก้านขึ้นไป อีกหนึ่งจุดสำคัญที่ทำให้การออกแบบร่มกอล์ฟมีความแตกต่างจากร่มใช้งานทั่วไปก็คือ ในส่วนของขนาด หรือจำนวนก้านอะลูมิเนียมของโครงนั่นเอง ทั้งนี้สินค้าสำหรับใช้งานกางกันแดดกันฝนทั่วไปนั้น มักจะเลือกใช้โครงที่มีจำนวนก้าน 14, 16 ก้าน แต่สำหรับร่มกอล์ฟ ซึ่งเป็นการใช้งานแบบถือกางให้ผู้อื่นนั้น จำนวนก้านดังกล่าวถือว่าเป็นขนาดที่เล็กเกินไป โดยควรเลือกใช้โครงที่มีจำนวนก้านตั้งแต่ 24 ก้านขึ้นไป
    ดีไซน์ระบบเปิดใช้งานให้สามารถกางใช้งานได้อย่างสะดวก ในการเปิดหรือกางใช้งานร่มทั่วไปนั้น มักจะเป็นระบบก้านกดสำหรับร่มตอนเดียว ซึ่งบางครั้งอาจต้องใช้แรงกดก้านมากหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสินค้าที่ผ่านการใช้งานมาสักพักแล้ว ขณะที่ร่มแบบ 3 ตอน 5 ตอนอาจจะต้องใช้วิธีดันแกนกลางขึ้นไป หรือก็คือต้องใช้สองมือช่วยจับเพื่อกางใช้งาน ซึ่งนับว่าเป็นระบบการเปิดใช้งานที่ไม่ค่อยสะดวกนัก ดังนั้นในการออกแบบร่มกอล์ฟจึงควรเลือกดีไซน์ให้ระบบเปิดใช้งานทำได้อย่างสะดวกด้วยมือเดียว โดยอาจะเป็นระบบทัช หรือออกแรงกดเบา ๆ ที่ด้ามจับ ซึ่งจะช่วยให้ตัวสินค้าออกมาพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น
    ใช้เทคนิคทูโทนดีไซน์ใบร่ม อีกหนึ่งลักษณะการออกแบบที่จะช่วยให้ร่มกอล์ฟออกมามีความโดดเด่น สะดุดตากว่าดีไซน์พรีเมี่ยมมาตรฐานก็คือ การใช้โทนสีใบร่มแบบทูโทน ตัดกันระหว่างช่องใบร่มนั่นเอง ตัวอย่างเช่น สีขาวสลับกรม, ขาวสลับดำ เป็นต้น ดีไซน์แบบนี้จะช่วยให้ตัวร่มดูโดดเด่น และดึงความสนใจจากสายตาผู้คนได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพื้นที่กลางแจ้งอย่างสนามกอล์ฟ

    ดีไซน์ร่ม 3 แบบ ที่ไม่ควรใช้ทำร่มพรีเมี่ยม

    เมื่อพูดถึงของพรีเมี่ยมในกิจกรรมทางการตลาดของแบรนด์ ห้างร้านต่าง ๆ ก็แน่นอนว่าหนึ่งในสินค้าที่เราพบเห็นกันได้มากที่สุดก็คือ ร่มนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นสินค้าพรีเมี่ยมยอดฮิตตลอดกาลชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ เหตุผลก็เพราะว่าตัวสินค้ามีประโยชน์ใช้สอยที่จำเป็นสำหรับผู้บริโภคทุกคน...

    เมื่อพูดถึงของพรีเมี่ยมในกิจกรรมทางการตลาดของแบรนด์ ห้างร้านต่าง ๆ ก็แน่นอนว่าหนึ่งในสินค้าที่เราพบเห็นกันได้มากที่สุดก็คือ ร่มนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นสินค้าพรีเมี่ยมยอดฮิตตลอดกาลชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ เหตุผลก็เพราะว่าตัวสินค้ามีประโยชน์ใช้สอยที่จำเป็นสำหรับผู้บริโภคทุกคน และค่อนข้างเหมาะกับสภาพอากาศในบ้านเราที่มีช่วงฤดูฝนที่ค่อนข้างยาวนาน จึงนับเป็นหนึ่งในสินค้าตัวช่วยในการสื่อสารสัญลักษณ์แบรนด์ ชื่อองค์กรได้ต่อเนื่อง สม่ำเสมอมากที่สุดชิ้นหนึ่ง ซึ่งร่มพรีเมี่ยมที่พบเห็นกันในแคมเปญการตลาดของแบรนด์ องค์กรต่าง ๆ ก็มีหลากหลายดีไซน์ หลากหลายรูปแบบอย่างเช่น ร่มพับ ร่มกอล์ฟ ร่มตอนเดียว และอื่น ๆ เรียกได้ว่าความยืดหยุ่นในเรื่องของดีไซน์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดีที่ทำให้สินค้าชิ้นเป็นที่นิยมใช้งานเป็นของพรีเมี่ยมในกิจกรรมทางการตลาด อย่างไรก็ตามแม้ว่าโดยผิวเผินแล้วเราจะเห็นว่าร่มพรีเมี่ยมในแคมเปญต่าง ๆ นั้นมีหลายดีไซน์ หลายสไตล์ตามความแมตช์กันได้กับใจความของแคมเปญนั้นๆ แต่ในความเป็นจริงก็มีร่มบางแบบ บางดีไซน์ที่ไม่เหมาะจะนำมาใช้งานเป็นร่มพรีเมี่ยมเช่นกัน ซึ่งในบทความนี้เองได้รวบรวมมาแนะนำบอกกล่าวให้ได้ทราบกันว่าดีไซน์ร่มแบบไหนบ้างที่ไม่ควรเลือกนำมาใช้ทำเป็นของพรีเมี่ยมสำหรับกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ

    ร่มที่ใช้ผ้าร่มที่มีลวดลายขนาดเล็ก อย่างที่ทราบกันดีว่าหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของตัวสินค้าก็คือส่วนของ ผ้าที่ใช้ทำเป็นตัวร่ม หรือใบร่มนั่นเอง ซึ่งผ้าสำหรับใช้ผลิตสินค้าชิ้นนี้ก็มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ออกแบบ แต่หนึ่งในรูปแบบผ้าที่ต้องบอกว่าเป็นแบบต้องห้ามที่ไม่ควรนำมาใช้กับร่มพรีเมี่ยมก็คือ ผ้าที่มีลวดลายขนาดเล็กตลอดทั้งผืน เช่น ลวดลายตาราง ลวดลายสก็อต นั่นเอง เพราะหนึ่งในรายละเอียดสำคัญของการออกแบบและผลิตสินค้าพรีเมี่ยมก็คือการใส่โลโก้แบรนด์ บริษัท ชื่อองค์กร และอาจรวมถึงข้อความในแคมเปญที่ต้องการสื่อสารลงไปบนตัวสินค้าให้ดูโดดเด่น สะดุดตา ซึ่งเนื้อผ้าที่มีลวดลายขนาดเล็กตามตัวอย่างดังกล่าวนั้น จะทำให้บดบังความโดดเด่นของโลโก้ ข้อความใด ๆ ที่เราพิมพ์ลงไป ทำให้ยากต่อการสังเกตเห็น หรือจดจำ

    ร่มใส แม้ว่าร่มใสจะถือเป็นดีไซน์ยอดฮิตแนวใหม่ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคค่อนข้างมาก โดยเฉพาะผู้บริโภคเจเนอเรชั่นใหม่ ๆ ที่ชื่นชอบการอัปเดตกระแสนิยมอยู่ตลอดเวลา แต่ในแง่ของการตลาดแล้วถือว่าเป็นหนึ่งในดีไซน์ที่ไม่ควรเลือกนำมาใช้ทำเป็นสินค้าพรีเมี่ยม เนื่องจากตัวสินค้ายากต่อการนำมาเลือกดีไซน์ จัดวางโลโก้ หรือข้อความในแคมเปญต่าง ๆ อีกทั้งประโยชน์การใช้งานของตัวสินค้ายังจำกัดอยู่แค่เพียงการใช้งานสำหรับกางกันฝนเท่านั้นด้วย(ไม่สามารถใช้กางกันแดด กันยูวีได้)

    ร่มดีไซน์คลาสสิค แม้ว่าดีไซน์สินค้าแบบคลาสสิคจะถือเป็นหนึ่งในดีไซน์มาตรฐานที่มีกลุ่มลูกค้าจำนวนมากชื่นชอบ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าวัยทำงานที่มีรสนิยมชื่นชอบในความเรียบง่าย และไลฟ์สไตล์แบบภูมิฐาน แต่สำหรับสินค้าอย่างร่มพรีเมี่ยมสำหรับใช้เป็นตัวช่วยโปรโมทองค์กรในกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ ถือว่าแตกต่างกันออกไป เพราะดีไซน์สินค้าแบบคลาสสิคนั้นมีข้อเสียหลายอย่างที่อาจทำให้ได้รับประสิทธิผลทางการตลาดไม่ดีเท่าที่คาดหวัง ทั้งเรื่องของโทนสีที่แมตช์กันได้ยากกับการดีไซน์โลโก้ ชื่อแบรนด์ บริษัท และข้อความแคมเปญรูปแบบต่าง ๆ ที่จะทำการพิมพ์ลงไป เรียกได้ว่าโทนสีแบบคลาสสิคนั้นจะทำให้การครีเอทองค์ประกอบสำคัญสำหรับสื่อสารการตลาดนั้นทำได้ค่อนข้างจำกัดนั่นเอง ความแมสของตัวสินค้าที่อาจจะไม่เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่คาดหวังทั้งหมด เป็นต้น

    ร่มจีน อีกหนึ่งประเภทที่หลายคนนึกไม่ถึง

    ในปัจจุบันเมื่อฝนตก หรือมีแดดออก หรือในช่วงที่มีลมค่อนข้างแรง เป็นเรื่องธรรมดาที่เรามักจะเห็นใครหลายคนถือร่ม ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลายรูปแบบ และหลากหลายสีสันที่มีความแตกต่างกันออกไป ร่มเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน ที่ใครก็ต้องมีติดบ้าน ติดรถ...

    ในปัจจุบันเมื่อฝนตก หรือมีแดดออก หรือในช่วงที่มีลมค่อนข้างแรง เป็นเรื่องธรรมดาที่เรามักจะเห็นใครหลายคนถือร่ม ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลายรูปแบบ และหลากหลายสีสันที่มีความแตกต่างกันออกไปอย่างเช่น ร่มพับ ร่มตอนเดียว และอื่น ๆ อีกมากมาย ร่มเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน ที่ใครก็ต้องมีติดบ้าน ติดรถ นำไปใช้มนการทำกิจกรรม อย่างเช่น ร่มกอล์ฟ หรือใครหลายคนอาจจะมีติดตัวไว้ด้วยซ้ำ สิ่งนี้มีอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลายประเภท และหลากหลายรูปแบบที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีร่มอีกประเภทหนึ่ง ที่ใครหลายคนอาจจะไม่ได้นึกถึงมากนัก เพราะลักษณะการใช้งานค่อนข้างจำกัด แต่สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างสวยงาม และน่าหามาเก็บเป็นของสะสมเป็นอย่างมาก เรากำลังพูดถึงร่มจีน

    วันนี้เราจะไปรู้จักกับร่มจีน อุปกรณ์ที่มีความสวยสดงดงาม ที่แฝงไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์กว่าหลายพันปี ผ่านกาลเวลาและออกมาเป็นอุปกรณ์แสนงดงามให้เราได้ใช้งานกัน จะมีอยู่ด้วยกันกี่รูปแบบ และแต่ละรูปแบบจะมีความแตกต่างและน่าสนใจต่างกันอย่างไร  วันนี้เราจะชวนคุณมาคุยกัน

    เรื่องราวความเป็นมา

    ประเทศจีนนั้น ได้ริเริ่มจากการทำร่มกระดาษ โดยแน่นอนว่าวัสดุหลักที่ใช้ในการทำคือกระดาษ และมีการใช้ไม้ด้วย วัสดุนี้ช่วยให้สามารถที่จะสร้างแบบที่มีรูปทรงสวยงาม และก็ยังคงมีน้ำหนักเบา จนเป็นที่นิยมภายในประเทศ จุดเด่นของร่มกระดาษจีน คือลวดลายที่ถูกออกแบบมาให้มีความหรูหรา และมีความเป็นศิลปะของจีนขนานแท้ ส่วนใหญ่จะออกแบบมาเป็นลายธรรมชาติ ลายทิวทัศน์สุดโด่งดัง หรืออาจเป็นดอกไม้ ในปัจจุบันมีการส่งออกไปยังหลากหลายประเทศในแถบยุโรป ด้วยความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์นี้เอง

    หากเราจะย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์จีน ร่มที่เก่าแก่ที่สุดของจีน ถือกำเนิดเมื่อประมาณราว 3,000 ปีก่อนเลยทีเดียว แต่ก่อนก็ใช้ในการกันฝน และแสงอาทิตย์เหมือนกับปัจจุบัน ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจน คือการนำไปใช้กับรถม้าของจักรพรรดิมังกร ในสมัยราชวงศ์ฉิน มีการค้นพบสิ่งนี้ในสุสานของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งราชวงศ์ฉิน ประมาณราวๆ 221-207 ปีก่อนคริสตกาลด้วย

    ไม่ได้มีแค่ร่มกระดาษ

    อุปกรณ์สำคัญชิ้นนี้จากประเทศจีนนั้น ไม่ได้มีเพียงแต่ความงดงาม หรือเป็นเพียงแค่อุปกรณ์สำหรับกันแดดหรือกันฝนได้เพียงเท่านั้น แต่สิ่งนี้ยังแฝงไปด้วยวัฒนธรรมต่างๆ ของประเทศจีน เก็บเอาไว้รวบรวมได้อย่างสมบูรณ์ ไม้ไผ่ที่นำมาใช้ เป็นสัญลักษณ์ของอายุที่ยืนยาว และด้วยตัวของอุปกรณ์ที่มีทรงกลม หมายความถึงความสุข ส่วนใหญ่แล้วที่ทำออกมาเป็นสีแดง แสดงถึงความมั่งคั่งและความแข็งแรง ด้วยเหตุนี้แบบที่เป็นสีแดงจึงได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศจีน และนอกจากจะมีแบบที่ทำมาจากกระดาษแล้ว ยังมีอีกแบบที่น่าสนใจ คือแบบที่ทำมาจากผ้าไหมด้วย

    เรามาคุยกันเรื่องของแบบที่ทำมาจากผ้าไหม สิ่งนี้เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ และเป็นตัวแทนของความมั่งคั่ง แต่เดิมแล้วมีเพียงแค่พ่อค้าที่ร่ำรวย บรรดาเชื้อพระวงศ์ และขุนนางเพียงเท่านั้น ที่จะสามารถครอบครองได้ เนื่องจากเป็นสิ่งของที่มีราคาแพง และมีความงดงาม นอกจากนี้ยังอยากในการดูแลรักษา สิ่งเหล่านี้ถูกบรรจงสร้างอย่างงดงาม ใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงและยืดหยุ่น แต่เดิมแล้ววัสดุในการทำ จะนำมาจากทางตอนเหนือของมณฑลฝูเจี้ยน แล้วทำการเคลือบด้วยน้ำยากันแมลง จากนั้นศิลปินชาวจีนจะบรรจงวาดลวดลายอันสวยสดงดงาม ที่มีความแตกต่างกันออกไปลงในอุปกรณ์แต่ละอัน อุปกรณ์เหล่านี้จะผ่านขั้นตอนการทำอย่างละเอียด จึงถือว่าเสร็จสมบูรณ์ หลังจากผ่านช่วงราชวงศ์หมิงไป จึงเริ่มมีการอนุญาตให้บุคคลทั่วไปสามารถครอบครองได้ และสิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุคนั้นเลยก็ว่าได้