การสั่งผลิตของพรีเมียมอย่าง ร่ม ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่หลายแบรนด์เลือกใช้เพื่อสร้างการจดจำและเพิ่มความประทับใจให้กับลูกค้า ไม่เพียงแต่เป็นของแจกที่มีมูลค่าในตัวเอง แต่ยังสามารถต่อยอดเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ตาม หากขาดความเข้าใจในประเภทของร่มและวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างแท้จริง อาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น หรือไม่ได้รับผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากลับมาเท่าที่ควร
การเริ่มต้นด้วยความเข้าใจถึงชนิดของร่มจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ร่มในตลาดปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งในด้านขนาด โครงสร้าง วัสดุ ดีไซน์ และการใช้งานที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละชนิดมีจุดเด่นและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ต่างกัน
ร่มพับ ถือเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุดในแง่ของความสะดวกในการพกพา เหมาะสำหรับแจกเป็นของขวัญ ของพรีเมียม หรือของแถมในงานกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยขนาดที่กะทัดรัดและราคาที่ไม่สูงจนเกินไป แบรนด์สามารถควบคุมงบประมาณได้ง่าย ขณะเดียวกันก็ยังมีพื้นที่สำหรับการพิมพ์โลโก้หรือข้อความประชาสัมพันธ์ได้อย่างพอเหมาะ หากต้องการความหรูหราขึ้นเล็กน้อย อาจเลือกใช้ร่มพับแบบออโต้ที่มีระบบเปิดปิดอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูทันสมัย
ในขณะที่ร่มตอนเดียวให้ความรู้สึกมั่นคงและแข็งแรง เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งหรือในกิจกรรมที่ต้องการความเป็นทางการมากขึ้น เช่น งานประชุม สัมมนา หรืองานแสดงสินค้า ด้วยโครงสร้างที่ทนทานและขนาดที่ใหญ่กว่า จึงสามารถพิมพ์ลวดลายหรือสื่อสารแบรนด์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังให้ความรู้สึกที่มีคุณค่ามากกว่าร่มทั่วไป ส่งผลให้ผู้รับเกิดความประทับใจและจดจำแบรนด์ได้ในระยะยาว
ร่มกลับด้านเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยการออกแบบที่เน้นเรื่องการใช้งานจริง ลดปัญหาน้ำหยดเมื่อนำร่มเข้ามาในตัวอาคาร เพิ่มความสะดวกและไม่ทำให้เปียกเลอะเทอะ จุดเด่นนี้ทำให้ร่มชนิดนี้เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการเน้นภาพลักษณ์ทันสมัย ใส่ใจในรายละเอียด และให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
ร่มสนามเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ธุรกิจร้านอาหาร คาเฟ่ หรือกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ ด้วยขนาดใหญ่และความแข็งแรงในการกันแดดกันฝน จึงเหมาะสำหรับการสร้างพื้นที่ใช้สอยเพิ่มเติม พร้อมทั้งยังสามารถกลายเป็นพื้นที่โฆษณาขนาดย่อมที่สื่อสารแบรนด์ได้ตลอดเวลา การเลือกใช้วัสดุที่ทนต่อสภาพอากาศ เช่น ผ้า UV หรือโครงเหล็กเคลือบกันสนิม จะช่วยยืดอายุการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา
นอกจากนี้ ยังมีร่มใสแฟชั่นที่เน้นดีไซน์ล้ำสมัยและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ แม้จะไม่ได้เน้นในเรื่องความทนทานเท่าร่มชนิดอื่น แต่ก็มีความโดดเด่นด้านรูปลักษณ์ เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างภาพจำเฉพาะตัวและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายในเชิงไลฟ์สไตล์ เช่น กลุ่มวัยรุ่นหรือสายแฟชั่น
เมื่อเข้าใจลักษณะของร่มแต่ละประเภทแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ตั้งไว้ โดยไม่ลดคุณภาพหรือภาพลักษณ์ของแบรนด์ การเลือกผู้ผลิตที่มีประสบการณ์และมีตัวเลือกให้ปรับแต่งได้หลากหลายจะช่วยให้ควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของวัสดุ สีสัน ระบบการเปิดปิด ไปจนถึงเทคนิคการพิมพ์ที่เหมาะสมกับประเภทของร่มนั้น ๆ
การสั่งผลิตร่มที่เหมาะสมกับการใช้งานจริง ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนต่อหน่วย แต่ยังช่วยลดต้นทุนแฝงที่อาจเกิดจากความเสียหาย เสียชื่อเสียง หรือการแจกของที่ไม่มีคุณภาพซึ่งไม่สามารถสร้างความประทับใจให้ผู้รับได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุนทางภาพลักษณ์ที่อาจมองไม่เห็นในตอนแรก แต่มีผลอย่างมากต่อแบรนด์ในระยะยาว
ท้ายที่สุด ร่มไม่ใช่เพียงของใช้กันแดดกันฝนทั่วไป หากนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับแนวคิดด้านการตลาดอย่างมีกลยุทธ์แล้ว ก็สามารถกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างแบรนด์ สื่อสารเอกลักษณ์ และเพิ่มความคุ้มค่าให้กับทุกงบประมาณได้อย่างลงตัว